วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ประวัติฟุตบอลไทย

      footballthaihistory

     กีฬาฟุตบอลในประเทศไทย ได้มีการเล่นตั้งแต่สมัย"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เนื่องจากสมัยรัชกาลที่5 พระองค์ทรงส่งพระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าพระหลานยาเธอ และข้าราชบริพารไปศึกษาวิชาการต่างๆ ที่ประเทศอังกฤษและผู้นำกีฬาฟุตบอลกลับมายังประเทศไทยเป็นคนแรกคือ "เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)" หรือที่ประชาชนเรียกกันว่า "ครูเทพ" ซึ่งท่านได้แต่งเพลงกราวกีฬาที่พร้อมไปด้วยเรื่องน้ำใจนักกีฬาอย่างแท้จริง ผู้เขียนมีความเชื่อว่าเพลงกราวกีฬาที่ครูเทพแต่งไว้นี้จะต้องเป็น "เพลงอมตะ" และจะต้องคงอยู่คู่ฟ้าไทย เมื่อปี พ.ศ.2454-2458 ท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการครั้งแรก เมื่อท่านได้นำฟุตบอลเข้าไปเล่นในประเทศไทย ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ มากมายโดยหลายคนกล่าวว่า ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ไม่เหมาะสมกับประเทศที่มีอากาศร้อน เหมาะสมกับประเทศที่มีอากาศหนาวมากกว่า และเป็นเกมที่ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้เล่นและผู้ชมได้ง่าย ซึ่งข้อวิจารณ์ดังกล่าวถ้ามองอย่างผิวเผินอาจคล้อยตามได้ แต่ภายหลังข้อกล่าวหาก็ได้ค่อยหมดไปจนกระทั่งกลายเป็นกีฬายอดนิยมที่สุดของประชาชนชาวไทย และชาวโลกทั่วทุกมุมโลกในปัจจุบัน ซึ่งมีวิวัฒนาการดังต่อไปนี้
     พ.ศ.2440 รัชกาลที่5 ได้เสด็จนิวัตรพระนคร กีฬาฟุตบอลได้รับความสนใจจากบรรดาข้าราชการ ครู อาจารย์ตลอดจนชาวอังกฤษในประเทศไทย และผู้สนใจชาวไทยจำนวนมากขึ้นเป็นลำดับกอปรกับครูเทพท่านได้เพียรพยายามปลูกฝังการเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังและแพร่หลายมากในโอกาศต่อมา
     พ.ศ.2443 การแข่งขันฟุตบอลเป็นทางการครั้งแรกของประเทศไทย ได้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2443 ณ สนามหลวง ซึ่งเป็นสถานที่ออกกำลังกายและประกอบงานพิธีต่างๆ การแข่งขันฟุตบอลคู่ประวัติศาตร์ของไทยระหว่าง "ชุดบางกอก" กับ "ชุดกลมศึกษาธิการ" จากกระทรวงธรรมการ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "การแข่งขันฟุตบอลตามข้อบังคับของแอสโซซิเอชั่น"เพราะสมัยก่อนเรียกว่า "แอสโซซิเอชั่นฟุตบอล" (Associations Football)สมัยปัจจุบันเรียกว่า "การแข่งขันฟุตบอลของสมาคม" หรือ "ฟุตบอลสมาคม" ผลการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษปรากฏว่า 2:2 ต่อมาครูเทพได้วางแผนการจัดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียนอย่างเป็นทางการพร้อมแปลงกติกาแบบสากลมาใช้ในการแข่งขันฟุตบอลในครั้งนี้ด้วย

     พ.ศ.2444 หนังสือวิทยาจารย์ เล่มที่1ตอนที่7 เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2444 ได้ตีพิมพ์เผยแพร่เรื่องกติกาการแข่งขันฟุตบอลสากลและการแข่งขันอย่างเป็นสากล
     การแข่งขันฟุตบอลนักเรียนครั้งแรกของประเทศไทย ได้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2444นี้ ผู้เข้าแข่งขันต้องเป็นนักเรียนชาย อายุไม่เกิน20ปี ใช้วิธีการแข่งขันแบบน็อกเอาต์ หรือแบบแพ้คัดออก (Knockout or Eliminations)ภายใต้การดำเนินงานของ "กรมศึกษาธิการ" สำหรับทีมชนะเลิศติดต่อกัน3ปี จะได้รับโล่รางวัลเป็นกรรมสิทธิ์
พ.ศ.2448 เดือนพฤสจิกายน สามัคยาจารย์สมาคมได็เกิดขึ้นครั้งแรกเป็นการแข่งขันฟุตบอลขอบรรดาครูและสมาชิกครู โดยใช้ชื่อว่า "ฟุตบอลสามัคยาจารย์"
     พ.ศ.2450-2452 ผู้ตัดสินชาวอังกฤษชื่อ "มร.อี.เอส.สมิธ" อดีนักฟุตบอลอาชีพ ได้มาทำการตัดสินในประเทศไทยเป็นเวลา2ปี ทำให้คนไทยโดยเฉพาะครู อาจารย์ และผู้สนใจ ได้เรียนรู้กติกาและสิ่งใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาก
     พ.ศ.2451 มีการจัดการแข่งขัน "เตะฟุตบอลไกล" ครั้งแรก
     พ.ศ.2452 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2452 นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของผู้สนับสนุนฟุตบอลไทยในยุคนั้น ซึ่งต่อมาในปีนี้ กรมศึกษาธิการก็ได้ประกาศใช้วิธีการแข่งขัน "แบบพบกันหมด" (Round Robin)แทนวิธีการแข่งขันแบบแพ้คัดออก สำหรับคะแนนที่ใช้นับเป็นแบบของแคนนาดา (Candian System)คือ ชนะ2คะแนน เสมอ1คะแนน แพ้0คะแนน และยังคงใช้อยู้จนถึงปัจจุบัน
     พ.ศ.2453 กรมศึกษาธิการได้ปรับปรุงกติกาฟุตบอลให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
     พ.ศ.2454 กรมการศึกษาธิการได้จัดการแข่งขันฟุตบอล"รุ่นเล็ก"สำหรับนักเรียนอายุไม่เกิน 18 ปี ชิงโล่เงิน"มร. ดับบลิว. ยี. จอห์นสัน" ชาวอังกฤษ วึ่งเป็นที่ปรึกษากระทรวงธรรมการในขณะนั้น และชุดฟุตบอลใดได้ชนะเลิศติดต่อกัน 3 ปีจะได้รับโล่เป็นกรรมสิทธิ์
     ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระองค์ทรงมีความสนพระทัยกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทรงกีฬาฟุตบอลเอง และทรงตั้งทีมฟุตบอลส่วนพระองค์ ชื่อทีม "เสือป่า" และได้เสด็จพระราชดำเนินประทับทอดพระเนตรการแข่งขันฟุตบอลเป็นพระราชกิจวัตรเสมอมา โดยเฉพาะมวยไทย พระองค์ทรงเคยปลอมพระองค์เป็นสามัญชนขึ้นต่อยมวยไทยจนได้ฉายาว่า "พระเจ้าเสือป่า" พระองค์ท่านทรงพระปรีชาสามารถมากจนเป็นที่ยกย่องของพสกนิกรทั่ไทยจนตราบทุกวันนี้
จากพระราชกิจวัตรของพระองค์รัชกาลที่ 6 ทางด้านฟุตบอล นับได้ว่าเป็นยุคทองของไทยอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีการเผยแพร่ข้าวสาร หนังสือพิมพ์ และบทข่าวต่างๆทางด้านฟุตบอลดังรายละเอียดต่อไปนี้
     พ.ศ.2457 "พระยาโอวาทวรกิจ" (แหม ผลพันชิน) หรือนามปากา "ครูทอง" ได้เขียนบทนำข่าวกีฬา "เรื่องจรรยาของผู้เล่นฟุตบบอล" และ "คุณพระวรเวทย์พิสิฐ" (วรเวทย์ ศิวะศริยานนท์) ได้เขียนบทความกีฬา "เรื่องการเล่นฟุตบอล" และ "พระยาพาณิชศาสตร์วิธาน" (อู่ พรรธนแพทย์) ได้เขียนบทความกีฬาที่ประทับใจชาวไทยอย่างยิ่ง "เรื่องอย่าสำหรับนักเลงฟุตบอล"
     พ.ศ.2458 ประชาชนชาวไทยสนใจฟุตบอลอย่างกว้างขวาง เนื่องจากกรมศึกษาธิการได้พัฒนาวิธีการเล่น วิธีการจัดแข่งขัน การตัดสิน กติกาฟุตบอลที่สากลยอมรับตลอดจนระเบียบการแข่งขันที่รัดกุมยิ่งขึ้น และผู้ใหญ่ในวงการให้ความสนใจอย่างแท้จริง นับตั้งแต่ องค์รัชกาลที่ 6 ลงมาถึงพระบรมวงศานุวงศ์ จนถึงสามัญชนและชาวต่างชาติ และในปี พ.ศ. 2458จึงได้มีการแข่งขันฟุตบอลประเภทสโมสรครั้งแรก เป็นการชิงถ้วยพระราชทานและเรียกชื่อการแข่งขันฟุตบอลประเภทนี้ว่า "การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยทองของหลวง" การแข่งขันฟุตบอลสโมสรนี้เป็นการแข่งขันระหว่าง "ทหาร-ตำรวจ-เสือป่า" ซึงผู้เล่นจะต้องมมีอายุเกินเกินกว่าระดับทีมนักเรียนนับว่าเป็นการเพิ่มประเภทการแข่งขันฟุตบอล
     ราชกรีฑาสโมสร หรือสปอร์ตคลับ นับได้ว่าเป็นสโมสรแรกของประเทศไทยเป็นศูนย์รวมของชาวต่างประเทศในกรุงเทพฯ ซึ่งยังอยู่ในปัจจุบัน และศูนย์รวมสปอร์ตคลับเป็นศูนย์กลางของกีฬาหลายประเภท โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลได้มีผู้เล่นระดับชาติจากประเทศอังกฤษเข้าร่วมทีมอยู่หลยคน อาทิเช่น มร.เอ.พลี.โคลบี. อาจารย์โรงรียนราชวิทยาลัย นับว่าเป็นทีมที่ดีมีความพร้อมมากทั้งทางด้านผู้เล่นงบประมาฌ และสนามแข่งขันมาตรฐาน จึงต้องเป็นเจ้าภาพให้ทีมต่างๆของไทยเรามาเยือนอยู่เสมอทำให้วงการฟุตบอลไทยในยุคนั้นได้พัฒนายิ่งขึ้น และรัชกาลที่ 6 ทรงสนพระทัยโดยเสด็จมาเป็นองค์ประธานพระราชทานรางวัลเป็นพระราชกิจวัตร ทำให้ประชาชนเรียกการแข่งขันสมัยนั้นว่า "ฟุตบอลหน้าพระที่นั่ง" และระหว่างพักครึ่งเวลามีการแสดง "พวกฟุตบอลตลกหลวง" นับเป็นที่ชื่นชอบของปวงชนชาวไทยสมัยนั้นเป็นอย่างยิ่ง และการแข่งขันฟุตบอลสโมสรครั้งแรกนี้ มีทีมสมัครเข้าร่วมแข่งขัน 12 ทีม ใช้เวลาในการแข่งขัน 46 วัน (11 กันยายน-27 ตุลาคม 2458) จำนวน 29 แมตช์ ณ สนามเสือป่า ถนนหน้าพระลานสวนดุสิต กรุงเทพมหานคร หรือสนามหน้ากองอำนวยการรักษาการปลอดภัยแห่งชาติปัจจุบัน พระองค์รัชกาลที่ 6 ได้ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งขณะกรรมการดำเนินการแข่งขัน นับว่าฟุตบอลไทยมีระบบในการบริหารมานานถึง 77 ปีแล้ว
     ความเจริญก้าวหน้าของฟุตบอลภายในประเทศ ได้แผ่ขยายกว้างขว้างทั่วประเทศไปสู่สโมสรกีฬาต่างจังหวัด หรือชนบทอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นที่นิยมกันทั่วไปภายใต้การสนับสนุนของรัชกาลที่ 6 และพระองค์ท่านทรงเล็งเห็นการณ์ไกลว่าควรที่จะตั้งศูนย์กลางหรือสมาคมอย่างมีระบบแผนที่ดีโดยมีคณะกรรมการบริหารสมาคมและทรงมีพระบรมราชโองการก่อตั้ง "สโมสรคณะฟุตบอลสยาม" ขึ้นมาโดยพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ทรงเล่นฟุตบอลเอง
     รัชกาลที่ 6 ได้ทรงมีวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งสยามดังนี้ คือ
1. เพื่อให้ผู้เล่นฟุตบอลมีพลานามัยที่สมบูรณ์
2. เพื่อให้เกิดความสามัคคี
3. เพื่อให้เกิดไหวพริบ และเป็นนักกีฬาที่ประหยัดดี
4. เพื่อเป็นการศึกษากลยุทธในการรุกและรับเช่นเดียวกับกองทัพทหาร